“หมอมีพื้นฐานมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่ได้ร่ำรวย มีความใส่ฝันที่จะเป็นแพทย์และมีชีวิตที่ดี แต่บนเส้นทางการก้าวไปให้ถึงจุดมุ่งหมายโดยไม่มีกำลังทรัพย์ ถือว่าเป็นเรื่องยากและมีอุปสรรคมากมาย ในวัยเด็กหมอพยายามเรียนรู้ในศาสตร์ทุกแขนงเท่าที่ทำได้ พยายามหาช่องและโอกาสในการหาเงินเลี้ยงชีพ ต่อยอดการเรียน พัฒนาความสามารถของตนเพื่อให้ทำงานได้หลากหลาย เงินที่ได้มา จะแบ่งส่วนหนึ่งลำพับนำไปศึกษาเรียนรู้ในศาสตว์แขนงใหม่ สะสมเรื่อยมา จุดนี้ เองมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงรู้ว่า ความรู้ในด้านต่างๆ ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตเปรียบเหมือนกิ่งก้านสาขาที่ทำให้เราได้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่และแข็งแรง หลายคนมองว่าหมอมีพรสวรรค์ แต่ขอบอกว่านี่คือพรแสวงล้วนๆ ค่ะ”

“ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว การปลูกผมเป็นสิ่งใหม่ในสังคมไทย คนไม่ค่อยเชื่อว่าปลูกแล้วสามารถย้ายเซลล์รากทำให้ผมยาวออกมาเป็นผมจริงของเราเองได้ หลักสูตรด้านศัลยกรรมปลูกผมก็แทบไม่มีหรือหากมีก็เป็นต่างประเทศจึงมีค่าใช้จ่ายสูง ได้ยินมาหลายเสียงว่าแม้เสียเงินเรียนไปมากก็อาจนำมาใช้การไม่ได้ อีกทั้งงานปลูกผมเป็นงานหนัก มีโอกาสประสบความสำเร็จไม่มากต้องใช้ความพยายามและอดทนสูง แต่สิ่งเหล่านี้เองเป็นจุดตัดทำให้หมอเลือกก้าวข้ามเข้ามาสู่อุตสาหกรรมปลูกผมอย่างเต็มตัว เพราะคิดว่าในเมื่อเราไม่มีเงินโฆษนามากมาย ก็ใช้ความสามารถและความพยายามน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตได้ นั่นเป็นที่มาของการมุ่งมันโฟกัสในรื่องของการปลูกผม โดยแทบจะไม่ทำอย่างอื่น และในวันนี้ ผลของความพยายามก็ทำให้ได้ตำแหน่งในระดับนานาชาติในวงการปลูกผม โดย ได้รับตำแหน่งรองประธานแพทย์ปลูกผม FUE ASIA ซึ่งเป็นสิ่งที่หมอภาคภูมิใจมาก เพราะในวันนี้ภาพของหมอได้ไปยืนอยู่ในระนาบเดียวกันกับกับแพท์ย์ปลูกผมที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ”

“หมอยึดถือแนวทางการบริหารงานแบบ Growth mindset – Education เป็นสิ่งสำคัญ ผู้บริหารและทุกคนในองค์กรจะต้องแสวงหาทักษะความรู้ และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ไม่กลัวที่จะก้าวข้ามกรอบเดิมๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้บรรลุเป้าหมาย เมื่อพบอุปสรรคก็ต้องทำการ Brainstorm เพื่อหาแนวทางแก้ไขลงมือทำด้วยความ มุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเท โดยส่วนตัวแล้วในข้อนี้หมอคิดว่าเป็น Keypoint ของอุตสาหกรรมปลูกผม ซึ่งเป็นงานยาก ท้าทาย และมี muli-foctors ในการทำให้ประสบความสำเร็จ โดยต้องไม่ลืมประเด็นสำคัญของธุรกิจการแพทย์ นั่นคือจริยธธรรม การโฆษณา หรือการทำการตลาดต่างๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความจริงใจ”

“ทุกวันนี้ผู้หญิงมีความรู้ ความสามารถ พัฒนาตัว เอง และกล้าที่จะเป็นผู้นำ สังคมในปัจจุบันให้โอกาสคน ที่มีความสามารถ มากกว่าการมองว่าเป็นเพศใด จากประสบการณ์ตรงของหมอบ่อยครั้งที่พบว่าตนเองเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวหรือหนึ่งในไม่กี่คนในการบรรยายเรื่อง การปลูกผมบนเวทีนานาชาติ หมอจึงเชื่อว่าความสามารถ เป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากกว่า ซึ่งแต่ละคนมีจุดเด่นที่หลากหลายและแตกต่างเราต้องนำจุดเด่นเหล่านั้นมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หากถามถึงคำที่ใช้อธิบายตนเองหมอขอใช้คำว่า determined – dedicated with women soft power ค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าผู้หญิง มีบทบาทตั้งเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการเป็นลูกที่ดี เป็นภรรยาและเป็นแม่ที่มีความรับผิดชอบ จึงต้องเริ่มการจัดสรรเวลาให้เหมาะสม แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนให้เป็นที่ยอมรับทั้งจากคนในองค์กร และคนทั่วไป Work life harmony คือ สิ่งที่หมอพยายามทำให้ได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณการสนับสนุนจากครอบครัว รวมถึง ลูกสาวทั้งสองที่ให้กำลังใจแม่ ด้วยการแสดงความรับผิด ชอบต่อตนเอง ทั้งการใช้ชีวิตและการเรียนอย่างเต็มที่ และ ประสบความสำเร็จค่ะ”

“แผนงานและยุทธศาสตร์ในการบริหารงานในอนาคต ได้แบ่งเป็น 2 เป้าหมายคือ ในภาค Service เรายังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการด้วยความจริงใจบนมาตรฐานทางการแพทย์และเน้นผลงานเป็นสำคัญ ส่วนในภาคธุรกิจข้างเคียง Hair tronsplants เราจะขับเคลื่อนโปรแกรมให้การศึกษาต่อแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือ การเป็นที่ปรึกษา ควบคุมคุณภาพ รวมถึงการดูแล Medico-legal Issues เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรม ปลูกผมของไทยทัดเทียมนานาชาติ สมกับโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนให้ไทยเป็น Medical hub ในภูมิภาคนี้

“สำหรับคณะกรรมการแพทยสภาในวาระที่จะถึงนี้ หมอได้ร่วมลงสมัครด้วย ผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เท่าการสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ กับวงการแพทย์ไทย เป็นการเปิดประตูไปสู่ยุคใหม่ทางการ แพทย์ที่หวังจะเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดให้แพทย์ไทยสามารถต่อสู้กับการแข่งขันในโลกยุด Globolization ได้อย่างทัดเทียมค่ะ“

#เลือกตั้งแพทยสภา
#เลือกตั้งกรรมการแพทยสภา
#หมอเบญ #หมอเบน #หมอปลูกผม #ปลูกผม